เงินเงินเงิน ep. 1 วิธีออมเงินง่ายๆ ในวัยรุ่น วัยเรียน

ชีวิตของคนเรา ครอบคลุมไปด้วยเรื่องอยู่ 4 ด้าน

@ การเงิน @ การงาน  @ ความรัก @ สุขภาพ

แล้วแต่ว่าใครจะคิดกำหนดว่าเรื่องใดสำคัญกว่ากัน!

เริ่มที่เรื่อง "เงิน" เป็นสิ่งสำคัญ! กับชีวิตลำดับต้นๆ 

ในความเป็นอยู่ยุคสมัยนี้ ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก

ลองหันไปดูคนใกล้ตัว คนในครอบครัวของเราดู !!!

ถ้ามีเงินพอที่จับจ่ายใช้สอยคล่องหน่อยต่างก็มีความสุข

อารมณ์ดี พูดคุยอะไรกันก็รู้เรื่อง ยิ้มแย้มใบหน้าผ่องใส

ถ้าเงินขาดมือไม่พอใช้ มีหนี้มีสิน ดูใบหน้าก็เคร่งเครียด

เราจึงจำเป็นต้องเริ่มฝึกนิสัย การสร้างวินัยทางการออม

ไว้ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น วัยเรียน แล้วชีวิตจะดี ไม่จนทุกข์ใจ

วิธีเก็บออม...ก็เก็บได้ตั้งแต่เงินหลักสิบหลักร้อยได้เลย

ฝึกตัวเองหักเก็บเงินไว้ 10 % ของเงินรายรับที่ได้เข้ามา

ได้เงินไปโรงเรียนวันละ 100 บาท ก็หักหยอดกระปุ๊กออม

ไว้เลย 10 บาท เก็บจากสิบเป็นร้อย..เป็นพันเป็นหมื่นได้

นักศึกษาที่โตขึ้นมาหน่อยอาจได้เงินใช้เป็นสัปดาห์/เดือน

ถ้าได้รับเงินเป็นสัปดาห์ละ 1,500 บาท ก็หักเงินออมไว้

อย่างน้อย 10 % ก็ 150 - 200 บาท แล้วแต่ความเหมาะสม

ทริค! ดีๆ ก็ฝากเข้าบัญชีออมสินเลย 200 บาท แล้วนำไป

ซื้อสลากออมสินดิจิตัล ขั้นต่ำได้เลย 200 บาท ไว้ลุ้นเงิน

รางวัลใหญ่เผื่อมีโชค เก็บออมไว้ได้เงินก้อนใหญ่แน่นอน!

Gen Y > Z กับความเสี่ยง! "อยู่ก่อนแต่งในวัยเรียน"

การยอมรับ@การอยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องปกติ

ในกลุ่มวัยรุ่น (วัยศึกษาเล่าเรียน)

เสี่ยง ! เกิดความผิดพลาด !?..ที่แก้ไขไม่ได้

เริ่มจากกลุ่มคน Generation X

(ปัจจุบันอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 41- 52 ปี)

ที่มีพฤติกรรมและลักษณะนิสัยของกลุ่มคน เจเนอเรชั่น X

เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดเปิดกว้างสร้างสรรค์ หลายคนใน

เจนฯ เอ็กซ์ ที่มีแนวโน้มต่อต้านสังคม  ไม่ได้เชื่อเรื่องศาสนา และ

ไม่ได้ยึดขนบธรรมเนียมประเพณีกันมากนัก และ

เป็นคนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวกับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป 

อย่างเช่นมองว่า "การอยู่ก่อนแต่ง" หรือ "การหย่าร้าง" เป็นเรื่องปกติ

 เช่นเดียวกับ "ยอมรับเรื่องเพศที่ 3" ซึ่งต่างจากกลุ่ม Gen B 

เบบี้บูมเมอร์ ที่มองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องผิดจารีตประเพณี

พฤติกรรมดังกล่าวสืบทอดไปยังรุ่นลูก เจเนอเรชั่น Y - Z ในวัยรุ่น

วัยศึกษาเล่าเรียน จะเห็นว่าตามหอพักรวม ห้องเช่าต่างๆ มีหนุ่มสาว

วัยเรียน(ส่วนมาก) มาพักอยู่ด้วยกันเป็นคู่ๆ และในสังคมนี้ก็จะมองว่า

เป็นแฟนอยู่หอด้วยกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาโดยทั่วไปกันเสียแล้ว...!

พฤติกรรมเหล่านั้น มันก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย อยู่แล้ว จาก

ประสบการณ์ "อาบน้ำร้อนมาก่อน" ของคนเจเนอเรชั่น B ซึ่งมีอายุ

ระหว่าง 53-71 ปี ที่มีความคิดเห็นพฤติกรรมตรงกันข้ามกับคนเจนฯ 
X -Y - Z เห็นได้ชัดว่า การอยู่ก่อนแต่งในวัยเรียนนั้น มีข้อดีอยู่น้อยจริงๆ

ดีตรงที่ได้มีคู่อยู่ร่วมห้อง ไว้แบ่งปันร่วมทุกข์ร่วมสุข/ช่วยเหลือกัน

แต่ข้อเสีย! นั้นมีมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะฝ่ายน้องผู้หญิง มีแต่

เสียกับเสีย สุขภาพจิต-กายใจก็ย่ำแย่ กับวัยที่ไม่พร้อมกับการมีคู่ครอง

ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ของผู้หญิงวัยรุ่นวัยเรียนก็คือ " การตั้งครรภ์ "

ในวัยเจริญพันธุ์ ที่มีอายุยังน้อย ด้อยประสบการณ์  บวกความคิดไว

ใจเร็ว แบบขาดสติ ความยั้งคิดมีน้อย  มักทำให้เกิดการลืม! เผอเรอ

จึงมักทำให้เกิดข้อผิดพลาดตั้งท้องขึ้นอย่างง่ายดาย ! แบบที่ไม่ทันตั้งตัว

รู้อีกทีท้องได้ 2-3 เดือนแล้ว จึงเกิด"ความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้"

จำเป็นต้องรับผิดชอบกับอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดมา และได้เป็นแม่คน

ตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ จำเป็นต้องลาพัก/ออกจากการเรียนกันไปกลางคัน

นั่นคือ ความเสี่ยง ! กับการอยู่ก่อนแต่งในวัยเรียน เป็นการพลาดอย่าง

ยิ่งใหญ่ แก้ไขข้อผิดพลาดนี้ไม่ได้ ทำได้เพียงก้มหน้ารับผิดชอบ 100%




การเป็นแม่ที่ดีของลูกนั้น ไม่ได้เป็นกันง่ายๆอย่างที่คิด! และการเลี้ยงลูก
คนหนึ่งให้เจริญเติบโตเป็นคนดี มีคุณภาพนั้นก็แสนเหนื่อยยากลำบาก
เหมือนกับที่ใครๆ ได้พูดเปรียบเปรยไว้ว่า "เลี้ยงลูกคน จนไปสิบปี" นั้นเป็น
เรื่องจริง! แต่ยุคนี้! เลี้ยงลูกต้องคอยดูแลกันไปจนตลอดชีวิต..นั่นแหล่ะ !

มาวางพล็อต(Plot)นิยายชีวิต..กันเถอะ!

ทุกคนควรมีพล็อตเรื่องราวชีวิตของตนเองไว้ กำหนดรู้เป้าหมาย Goal 

เปรียบเสมือนนิยายชีวิตเรื่องดีเล่มหนึ่ง เพราะชีวิตนี้มันสั้นนักจงอย่า
ประมาทเมื่อมีอายุมากขึ้นแล้ว จะรู้ว่าวันเวลาบนโลกใบนี้มันช่างเร็ว
เสียเหลือเกิน  อายุมากขึ้นพร้อมกับประสบการณ์เรื่องราวขีวิต
ผ่านมามากขึ้นตามไปด้วย

สัจธรรมของชีวิตนี้ เราจะเห็นชัดเจนขึ้นอย่างแน่นอน เมื่ออายุใกล้ 60 ปี 

ครั้งเมื่อได้เหลียวมองกลับไปข้างหลังบนเส้นทางเดินชีวิตที่ได้เดินผ่านมา

สัจธรรมของชีวิต "ความจริงแท้แน่นอน" คือ "สิ่งที่ไม่มีอะไรแน่นอน"

จนเดินทางมาถึงวัยเกษียณอายุ จึงเห็นจุดอวสานของ...
นิยายชีวิต(เรื่องหนึ่ง)

มีคนส่วนมาก เดินทางชีวิตแบบสะเปะสะปะ เสี่ยงๆ เรียนรู้ชีวิต
จากประสบการณ์จากความผิดพลาดของตัวเอง มีบางคนไม่เคยเรียนรู้
อะไรเลย..มึนๆ งงๆ กับชีวิต เริ่มต้นลงท้ายไม่ถูก เกิดความผิดพลาดล้มลง
แล้วไม่ลุกขึ้นสู้อีกเลยก็มี แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่มีแผนการใช้ชีวิต 
สู้จนประสบความสำเร็จ!

อยากเห็นตอนจบแบบไหน!? แบบแฮปปี้เอนดิ้ง / แบบเศร้าสะเทือนใจ!

อยากเห็นตอนจบนิยายชีวิตเรานั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง? จงพล็อตเรื่องไว้

แล้วเดินไปตามทางชีวิตที่วางไว้ให้ดีๆ หากระหว่างทางมีอุปสรรค/โชคร้าย

รู้ทันแล้วแก้ไขให้ผ่านไปให้ได้ จนถึงตอนจบได้สำเร็จตามเป้าหมายนั้นๆ

พล็อตเรื่องในชีวิตหนึ่งของคนเรา สามารถมีได้ในหลายเรื่องราว เป็น

นิยายชีวิตได้หลายเล่ม ทั้งเรื่องสั้น และเรื่องยาว อย่า! มีนิยายชีวิตเพียง

แค่เล่มเดียวแล้วจบ เพราะมันตัดโอกาสในการเรียนรู้จากประสบการณ์ 

ให้เราได้แก้ไขข้อผิดพลาด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายคือความสำเร็จ

 ทำเพียงแค่นี้ ! 

 แล้วคุณก็จะสามารถมองเห็นตอนจบ Goal ! 

 ของนิยายชีวิตคุณในตอนนั้นๆ ได้ก่อนใครๆ 

 "ยิ่งคุณแก่"  จะพบว่า  ชีวิตมันก็แค่การเดินทาง 

 ทุกอย่างที่ผ่านมาก็คือ.. <<ประสบการณ์>> 

"ความผิดพลาด" ที่มีโอกาสแก้ไข@หมดโอกาสแก้ตัว!?

ช่วงหนึ่งของชีวิต...ในวัยทำงาน

เป็นช่วงที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในชีวิตมากมายหลายอย่าง

อาจพูดได้เลยว่าเกิดความผิดพลาดในทุกด้านของชีวิตก็ว่าได้

นับตั้งแต่เรื่องการเงิน การงาน ความรัก และสุขภาพ

มักเกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับเราแทบจะทุกเดือนเลยทีเดียว

เริ่มต้นพูดถึงความผิดพลาดจากเรื่อง...การเงิน !!

ตามคำนิยามว่า "เข้าเมืองตาลิ่ว ให้ลิ่วตาตาม " นั่นแหล่ะ

เป็นไปตามธรรมเนียมประเพณีนิยม กับรับเงินเปอร์เซนต์ %

จากการจัดซื้อจัดจ้าง รับจากผู้ขาย/ผู้รับเหมากี่ % กันก็แล้วแต่

ยอมรับว่าได้มาส่วนหนึ่งก็มาเป็นกองกลาง ไว้ใช้เรื่องจิปาถะ

อีกส่วนหนึ่งก็เอามาแบ่งปันกันระหว่างผู้รับผิดชอบทำงานเรื่องนั้นๆ

ส่วนสำคัญอีกก้อนหนึ่งเป็นส่วนของผู้มีอำนาจเบื้องบน...

นายเอาไปจัดสรรใช้อะไรยังไงนั้น เราเองไม่ก้าวล่วงรับรู้

นั่นเป็น "ความผิดผลาดจากเรื่องเงิน" ที่รับมาจากการทำงาน

ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง(เมื่อมีอำนาจ)

ข้อผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ แต่โชคดีมีโอกาสได้แก้ไขข้อผิดพลาดนั้น

เมื่อออกจากงานมาแล้ว โดยการชดใช้ความผิดพลาดนั้นอย่างหนัก!

เงินที่เราหามาได้และเก็บไว้เป็นทรัพย์สินเงินทอง ถึงตอนสุดท้าย

ก็ไม่มีวาสนาบารมีพอที่จะรักษาทรัพย์สินเงินทองเหล่านั้นไว้ได้ตลอด

ต้องชดใช้คืนแผ่นดินไป(ทางอ้อม)จนหมด รวมเวลา 10 ปี เต็มๆ

ซึ่งทุกวันนี้ได้ชดใช้เกือบหมดแล้ว และกำลังได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!

ความผิดพลาด ที่ไม่อาจแก้ไขได้ 

เพราะหมดโอกาส !

เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นกับคนที่เรารู้จักคนหนึ่ง ! ไม่ได้เจอเขาเลยหลังจากที่

ได้เออรี่รีไทร์แล้ว 5 ปี  ในวันหนึ่งเราก็ได้ข่าวดังหน้า 1 เลยว่าเขาหนี!

หนีไปในขณะที่ชีวิตราชการกำลังก้าวหน้าสุดๆ แต่ต้องหนีออกนอกประเทศ

ทิ้งทรัพย์สินเงินทอง ตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์อันใหญ่โต

ไว้เบื้องหลัง กับแผ่นดินไทยที่เขาเทิดทูน ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับ

การเรียกรับเงินทอง ตามความผิดมาตราสูง กับข้อหาอันยิ่งใหญ่ จนเขา

ไม่สามารถอยู่เพื่อสู้คดี หรือรับโทษที่แผ่นดินเกิดได้อีกต่อไป...

" ช่างโชคร้ายกับความผิดพลาด ! 
ที่หมดโอกาสได้แก้ตัว "

ก็ขอยกเรื่องข้อผิดพลาดนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจผู้คนทั้งหลาย..

จงอย่าได้ประมาทกับชีวิต !!

เป็นวิทยาทานหากเกิดบุญกุศลใดขึ้นก็ขอมอบให้(K. J)
คนที่ได้รู้จักคนนั้น!

*จงมีความสุขในชีวิต และมีกำลังใจอยู่สู้ชีวิต*

ที่เหลืออยู่นี้....< ต่อไป >

ความผิดพลาดในการใช้ชีวิต!

การใช้ชีวิตของคนเราในทุกๆวัน มักจะเกิดความผิดพลาดขึ้น

ข้อผิดพลาดของเราบางครั้งเป็นเรื่องเล็กๆ แต่บางครั้งเป็นเรื่องใหญ่โต

ถ้ามีสติ รู้ทัน แก้ไขได้ทันท่วงที ก็สามารถเก็บเกี่ยวข้อผิดพลาดเหล่านั้น
ไว้เป็นประสบการณ์สอนใจ ต้องคอยระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิด
ข้อผิดพลาดซ้ำอีก!

ประสบการณ์ที่ได้มาจากความผิดพลาดในชีวิตของเรานั้นคิดๆดู 

ก็เปรียบเสมือน "สัญญาณเตือนภัย!.." ให้แก่เรา เพราะหากเรา
ไม่ระมัดระวังในการใช้ชีวิต แล้วเกิดเหตุการณ์นั้นซ้ำขึ้นมาอีก คราวนี้
ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั้นเราอาจหมดโอกาสได้แก้ไข 
ให้เก็บไว้เป็นประสบการณ์ในครั้งต่อไป!

ดังนั้น... โปรดพึงระมัดระวัง ! 

ประสบการณ์ของคุณ ที่เกิดจากความ

ผิดพลาดในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเพียงข้อผิดพลาด
เล็กน้อยหรือเป็นข้อผิดพลาดที่ต้องสูญเสียหลายอย่างแต่ยังโชคดี 
ที่สามารถแก้ไขได้ทันเก็บไว้เป็นประสบการณ์สอนใจ 
จงอย่างเพิกเฉย เพราะมันกำลังส่งสัญญาณ~~~

การเตือนภัย ! 

ที่กำลังจะเกิดขึ้นเป็น 

"ความผิดพลาดที่ไม่อาจแก้ไขได้" 

ที่อาจเกิดขึ้นกับคุณเร็วๆ นี้ !

หางานเสริม

หางานเสริมได้เงินจริง กับ กู๊ดท็อปอัพไทยทีม 
ธุรกิจออนไลน์เติมเงิน ชำระบิล

ดูรายละเอียด และสมัครแฟรนไชส์ กู๊ดท็อปอัพ 

 http://goodtopupthaiteam.com/?id=gorn99

ลงทุนเพียงครั้งเดียว 1,200 บาท สามารถสร้างรายได้หลายช่องทาง สิ่งแรกจากการบริหารรายจ่ายอยู่เป็นประจำของท่าน และสะดวก สบาย ในการชำระบิลด้วยตนเอง เช่น ค่าน้้าประปา ค่าไฟฟ้า และ การซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์

เติมเงินโทรศัพท์มือถือ ได้ส่วนลดทันที 3-5 % รายได้จากการรับชำระบิลค่าใช้จ่ายต่างๆ 10-15 บาท

รวมทั้งรายได้เพิ่มขึ้นจากการแนะนำสมาชิกใหม่ 200 บาท , 
รับรายได้ค่าลิขสิทธิ์แฟรนไชส์จับคู่ 200 บาท และค่าขยาย
แฟรนไชส์ลิขสิทธิ์อีก 2.5 %