พฤติกรรมคน 8 เจเนอเรชั่น กับลักษณะนิสัย
1.Lost Generation
คนที่เกิดช่วง พ.ศ. 2426-2443 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์โลกสำคัญคือ การเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันคนกลุ่มนี้ไม่มีชีวิตหลงเหลืออยู่แล้ว
2. Greatest Generation หรือ G.I. Generation
คนที่เกิดในช่วงพ.ศ. 2444-2467 ช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คนส่วนใหญ่ต้องตายในสนามรบ เป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้สงคราม อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กลับมาดีหลังจากสงครามสงบลงด้วยลักษณะนิสัยของคนในเจนนี้ มีแบบแผนปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งเรื่องความเชื่อ ความคิดต่างๆ มีความเป็นการทางการค่อนข้างสูง ใส่สูท ผูกไทด์ออกจากบ้าน สนใจสังคมส่วนรวม มีสำนึกความเป็นพลเมือง
3. Silent Generation
คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2468-2488 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 คนส่วนใหญ่จึงต้องตายในสนามรบ ทำให้ประชากรในยุคนี้มีไม่มากเท่ายุคอื่นๆ เนื่องจากเป็นช่วงสงครามจึงส่งผลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ทุกคนที่มีชีวิตอยู่ต้องทำงานหนัก มีความภักดีซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ และเจ้านาย มีระเบียบแบบแผน เคารพกฎหมาย ในยุคนี้เป็นยุคที่ผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้าน ภายหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว คนในรุ่นนี้จึงมีช่องทางในการสร้างรายได้ ทำธุรกิจของตัวเองกันมากขึ้น นอกจากนี้คนเจนนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ถือเป็นรากฐานที่สำคัญ ให้ได้ต่อยอดจนมาถึงทุกวันนี้
4.Baby Boomer Generation หรือ Gen B
คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2489 – 2507 สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคที่บ้านเมืองสงบหลังจากสงคราม ทุกคนที่มีชีวิตรอดต้องเร่งกลับมาฟื้นฟูให้ประเทศกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง แต่เนื่องจากได้สูญเสียจำนวนประชากรไปมากมายจากการทำศึกสงคราม คนในยุคนี้จึงมีค่านิยม มีลูกมีหลานเยอะๆ เพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานมาช่วยกันพัฒนาประเทศนั่นเอง
ปัจจุบันคนในยุคนี้ที่ยังอยู่จะมีอายุประมาณ 50 ขึ้นไป ลักษณะนิสัยจะเป็นคนจริงจัง เคร่งครัดเรื่องขนมธรรมเนียนประเพณี เป็นเจ้าคนนายคน ชีวิตทุ่มเทให้กับการทำงานมากๆ มีความอดทนสูง ประหยัดอดออมฯล จนหลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าคนกลุ่มนี้เป็นพวก ‘อนุรักษ์นิยม’
5. Generation X หรือ Gen-X
คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2508-2522 สำหรับ เจเนอเรชั่น เอ็กซ์ นั้นมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ยับปี้” (Yuppie) ย่อมาจาก Young Urban Professionals หมายถึงพวกที่เกิดมาในยุคมั่งคั่ง ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เติบโตมากับการพัฒนาของวิดีโอเกม, คอมพิวเตอร์, สไตล์เพลงแบบฮิปฮอป และอาจทันดูทีวีจอขาวดำ สำหรับในยุคนี้เป็นยุคที่มีการให้ควบคุมอัตราการเกิดของประชากร เนื่องมาจาก ยุคเบบี้บูมเมอร์ส่งผลให้มีเด็กเกิดมากเกินไป ส่งผลให้มีปัญหาตามมาก็คือ ในเรื่องของทรัพยากรที่มีอยู่นั้น ไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากร เมื่อเป็นเช่นนี้ ประชาชนจึงกลับมานั่งคิดว่า หากไม่ควบคุมอัตราการเกิดไว้ สุดท้ายแล้วคนทั้งโลกก็จะขาดแคลนอาหาร ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศจีน มีการรณรงค์ให้คนมีลูกได้เพียง 1 คนเท่านั้น
ปัจจุบัน คนยุค Gen-X เป็นคนวัยทำงาน มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป พฤติกรรม ลักษณะนิสัยของคนกลุ่มนี้ที่เด่นชัดคือ ชอบอะไรง่ายๆ ไม่ต้องเป็นทางการ มีแนวคิด สร้างความสมดุลในเรื่องงาน และครอบครัว กล่าวคือ ทำงานตามหน้าที่ ไม่บ้างาน ไม่ทุ่มเท ทำทุกอย่างได้เพียงลำพัง ไม่พึ่งพาใคร เป็นตัวของตัวเองสูง มีความคิดเปิดกว้าง สร้างสรรค์ อย่างไรก็ตาม หลายคนใน Gen-X มีแนวโน้มที่จะต่อต้านสังคม ไม่ได้เชื่อเรื่องศาสนา และ ไม่ได้ยึดขนบธรรมเนียมประเพณีมากนัก เป็นคนที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวกับวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไป อย่างเช่นมองว่าการอยู่ก่อนแต่ง หรือการหย่าร้างก็เป็นเรื่องปกติ เช่นเดียวกับเรื่องเพศที่ 3 ซึ่งต่างจากกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ที่มองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องผิดจารีตประเพณี
6. Generation Y หรือ Gen-Y เรียกอีกอย่างว่า ‘Millennials’
คนที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2523-2540 คนในยุคนี้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยี digital มีความเป็นสากล เปิดรับวัฒนธรรมแบบ Teen Pop มองว่าการชื่นชอบศิลปินต่างชาติเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเทคโนโลยีพกพา อาทิ โทรศัพท์มือถือ MP3 ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เศรษฐกิจกำลังเติบโต และเฟื่องฟูเป็นอย่างมาก ทำให้พ่อแม่ที่เป็นคนในยุค Gen B ที่ถูกปลูกฝังให้ทำงานหนักค่อนข้างจะประสบความสำเร็จในชีวิต จึงทำให้ดูแลเอาใจใส่ลูกๆ ที่เกิดมาในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี เด็กยุค Gen Y จึงมักจะถูกตามใจตั้งแต่เด็กๆ อยากได้อะไรก็ต้องได้ มีโอกาสทางการศึกษาที่ดี มีแนวคิดเป็นตัวของตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ และปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ
ลักษณะพฤติกรรมของคน Gen Y ต้องการความชัดเจนในการทำงานว่าสิ่งที่ทำมีผลต่อตนเอง และต่อหน่วยงานอย่างไร? คาดหวังที่จะมีเงินเดือนสูงๆ คาดหวังคำชม แต่ไม่อดทนต่องานที่ทำ ชอบเปลี่ยนงานอยู่บ่อยๆ นอกจากนี้คน Gen Y จะจัดสมดุลเวลาให้กับตัวเอง จะเห็นได้ว่าหลังเลิกงานคนรุ่นนี้มักจะไปทำกิจกรรมให้ความสุขกับตัวเอง อาทิ ไปเล่นฟิตเนส แฮงเอาท์พบปะเพื่อนฝูง
ปัจจุบัน คนกลุ่มนี้อยู่ในทั้งช่วงวัยเรียน และวัยทำงาน และจากการที่ยุคนี้เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่น่าแปลกใจที่คนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการทำงานที่เกี่ยวกับการ ติดต่อสื่อสาร ชอบงานด้านไอที ใช้ความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ รวมทั้งสามารถทำอะไรหลาย ๆ อย่างได้ในเวลาเดียวกัน เรียกได้ว่าสามารถใช้เครื่องมือเครื่องไม้ต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว อย่างที่เราอาจจะเคยเห็นภาพคนยุคใหม่ที่นั่งเล่นสมาร์ทโฟน ไอแพด คุยโทรศัพท์ ไปพร้อมๆ กับกินข้าวได้
7. Generation Z หรือ Gen-Z
คนที่เกิดหลัง พ.ศ. 2540 ขึ้นไป เด็กรุ่นนี้เกิดมาจากพ่อแม่รุ่นใหม่อย่าง Gen X เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เรียนรู้รูปแบบการดำเนินชีวิตในสังคมแบบ Digital ดำเนินชีวิตแบบมีการติดต่อสื่อสารไร้สาย และสื่อบันเทิงต่างๆ อย่าง DVD, WWW, สมาร์ทโฟน, YouTube มาจากพ่อแม่ เด็กรุ่นนี่้จะเป็นรุ่นแรกที่ทั้งพ่อและแม่จะออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ จึงทำให้เด็กยุค Gen Z ได้รับการเลี้ยงดูจากคนอื่นมากกว่าพ่อ และแม่ของตัวเอง และเนื่องจากเกิดมาในยุคเทคโนโลยีที่ทันสมัย เด็กในยุคนี้อาจจะจินตนาการไม่ออกเลยว่า โลกที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้นจะอยู่ได้อย่างไร?
8. Gen-C
กลุ่มสุดท้ายนี้ เกิดจากคนกลุ่ม Baby Boommer และ Gen-X ที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเอง ให้มาสนใจเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งจริงๆ แล้วพวกเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เพราะในยุคของตนเองนั้นยังไม่มีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามามากเท่าไหร่ แต่ด้วยสังคมนั้นเปลี่ยนไป จึงต้องปรับตัวตามให้ทันโลก
พฤติกรรมเด่นชัดของคนกลุ่มนี้คือ สังคมออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ชอบเข้าไปอัพเดทข้อมูล ติดตามเรื่องราวต่างๆ จากโลกไซเบอร์ และพร้อมจะแชร์ต่อทุกเมื่อ แต่ถึงอย่างไรคนกลุ่มนี้ก็จะโพสต์ด้วยความระมัดระวัง ส่วนมากจะโพสต์เพื่อแบ่งปันความรู้ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ตรงกันข้ามกับคน GEN Y ที่่มักจะโพสต์ตามอารมณ์มากกว่า.
จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมของคนในแต่ะยุคนั้นก็มีข้อดี ข้อเสียแตกต่างกันออกไป ทำให้พอจะทราบลักษณะนิสัยพื้นฐานของคนในยุคต่างๆ ได้บ้าง เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใช้เป็นหลักในการบริหารคน หรือการปรับตัวของเราเอง ให้สามารถอยู่ร่วมกับคนในยุคต่างๆ ได้ ลองนำไปใช้กันดูนะคะ
https://www.thaithinkpad.com/forum/index.php/topic,4992.0/wap2.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น